ถึงแม้ "นายกฯอิ๊งค์-ทักษิณ" จะออกมาปฏิเสธว่ยังไม่ถึงคิวปรับครม. แต่ความเคลื่อนไหวยังปรากฏให้เห็น เนื่องจากสไตล์ของ "นายใหญ่" มักสลับสับเปลี่ยนผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในทุก 6 เดือน

ทว่า สไตล์ของ "นายกฯอิ๊งค์" อาจจะแตกต่างจาก "นายใหญ่" เพราะสื่อสารเกือบทุกวงสนทนา ว่าต้องให้ "รัฐมนตรี" ทำงานอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญหากจะหลบฉากจากร่มเงาของ "นายกฯผู้พ่อ" สไตล์บริหารงานในบางเรื่องอาจจะต้องแตกต่างออกไป

"นายกฯอิ๊งค์" ย้ำหนักแน่นว่า "ยืนยันไม่ได้จะปรับ ถ้าจะปรับจริงจะต้องมีการพูดคุยกันในเนื้องาน ตอนนี้ยังอยากให้การทำงานต่อเนื่อง และตัวเองก็เพิ่งมาเป็นนายกฯได้ไม่นาน รัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นมา ก็ยังเป็นได้ไม่นานเหมือนกัน"

สอดรับกับที่ "ทักษิณ" ประกาศชัดว่า "ผมกับนายกฯคุยเป็นประจำ ทราบว่ายังไม่ถึงเวลา เพราะทุกคนยังทำงานกันได้ด้วยดี มีติดขัดเล็กน้อย แต่ยังเตือนกัน ยังไปได้ด้วยกันโดยไม่มีปัญหา"

ดังนั้นการปรับครม.ในยุค "นายกฯอิ๊งค์" อาจจะมีบรรทัดฐานใหม่ต่างไปจากเดิม อาจจะไม่ได้เห็นปรากฎการณ์ปรับ ครม.ทุก 6 เดือน

ว่ากันว่า หากไม่มีเหตุจำเป็น "นายกฯตึกไทยคู่ฟ้า" เลือกติดตามงานด้วยการสั่งการมากกว่า การแก้ไขปัญหาด้วยการเปลี่ยนคน

อย่างไรก็ตาม ขณะเดียวกันมีความเคลื่อนไหวจาก "บิ๊กเนม" ที่โปรโมทตัวเองเป็น "มังกรการเมือง" พยายามคิดใหญ่พร้อมขายฝันว่าแสดงท่าที เดินสายนัด สส. หวังแยกก๊ก-แตกก๊วน

ก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยยิ่งใหญ่ นั่งคุมกระทรวงเกรดบีบวก มี "ลูกน้อง-ลูกหาบ" ข้างกายติดสอยห้อยท้ายมากขึ้น ทำให้บารมีเริ่มเบ่งบาน จึงตั้ง "บ้านใหม่" หวังล้ม "บ้านใหญ่" แต่ผลการเลือกตั้งปี 2566 "ทีมมังกร" ได้ สส. ไม่ตรงเป้าหมายที่วางเอาไว้ ทำให้แรงต่อรองทางการเมืองลดน้อยลง

ที่สำคัญยังเดินเกมพลาด คาดการณ์ว่า "พรรคค่ายส้ม" กับ "พรรคค่ายแดง" จะจับมือกันตั้งรัฐบาลได้ จึงพยายามรวบรวม สส. ในสังกัด เปิดดีลข้ามขั้ว แต่ต้องพับแผนกลางคัน หลังรับรู้สัญญาณ "ซูเปอร์ดีล" จากบิ๊กบอสในสังกัด

หลังจากนั้นบทบาทของ "มังกร" ก็ลดน้อยถอยลง ยอมสงบเพื่อสยบความเคลื่อนไหว จนกระทั่งได้คัมแบ็คกลับมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรี แม้จะเก้าอี้เล็กลง แต่ยังดีกว่าขาลอย

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวการเมืองของเขา ก็ไม่หยุดนิ่ง ผนวกกับสถานการณ์สภาพคล่องไม่ค่อยดีเหมือนเก่า จึงต้องการเก้าอี้ตัวใหม่ ที่ใหญ่กว่าเดิม จึงอาสากับ "บิ๊กหลังฉาก" เดินสายรวบรวมกำลังพลอีกคำรบ เที่ยวนี้เดิมพันสูงลิบ หากดีล สส. เข้าสังกัดได้มาก ย่อมมีโอกาสที่ "บิ๊กหลังฉาก" จะตอบแทนผลงาน

ทว่าบารมีที่พ้นช่วงเบ่งบานเหมือนการเลือกตั้งปี 2566 เมื่อเปิดดีลกับ สส. ก็มักจะถูกตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ และอนาคตทางการเมืองหลายครั้ง จน สส.ที่เคยดีลตีตัวออกห่าง ขณะที่ สส.ก๊วนเดียวกัน ซึ่งเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาแบบลูกพี่ไปไหน ลูกน้องไปด้วย ก็หร่อยหรอลงทุกวัน

ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า เจ้าตัวเดินสายพูดคุยกับ สส.ค่ายลุงบ้านป่าเปิดดีลข้ามขั้ว เพื่ออัพตัวเลข"ก๊วนมังกร"ให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น หวังต่อรองอัพเกรดเก้าอี้ ซึ่งต้องจับตาว่าดีลข้ามขั้วครั้งนี้จะประสบผลสำเร็จหรือไม่

การที่ "นายกฯอิ๊งค์-นายใหญ่" ออกมาคอนเฟิร์มว่ายังไม่มีการปรับครม. แถมยังคอนเฟิร์มเก้าอี้ให้ "บิ๊กเนมบางคน" ทำให้ "มังกร" แม้จะโลกกว้าง แต่เส้นทางการเมืองกลับแคบลง จนแทบจะไม่เหลือทางให้เดิน

ที่สำคัญทุกย่างก้าวของเขาไม่ใช่แค่ "บิ๊กเนม" พรรคต้นสังกัดเท่านั้นที่รู้ แต่"ซูเปอร์บิ๊กเนม"นอกพรรค ก็ยังรู้ทุกฝีก้าว ทำให้เขาต้องเดินเกมการเมืองอย่างระมัดระวัง เพราะหากโฉ่งฉ่าง เก้าอี้ที่นั่งอยู่อาจโดนริบก็เป็นได้

เส้นทางการเมืองของ "มังกร" จะสิ้นลาย หรือโชคดีสร้างบารมีกลับมาอยู่แถวหน้าได้อีกหรือไม่ ไม่นานคงรู้กัน

กรุงเทพธุรกิจ BizElite | หนังสือพิมพ์ดิจิทัล Exclusive 3 ภาษา เพื่อ ผู้นําธุรกิจ | กรุงเทพธุรกิจ BizElite

กรุงเทพธุรกิจ BizElite | หนังสือพิมพ์ดิจิทัล Exclusive 3 ภาษา เพื่อ ผู้นําธุรกิจ | กรุงเทพธุรกิจ BizElite